วันพฤหัสบดีที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

สะบั้นสัมพันธ์ ไทย-เขมรเรียกทูตกลับ "มาร์ค"ตอบโต้"ฮุนเซน"อุ้ม นช.แม้ว

ASTVผู้จัดการรายวัน-"มาร์ค"สั่งกระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ ทบทวนความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาเรียกทูตกลับ หลัง"ฮุนเซน"หักหน้ารัฐบาลไทย ด้วยการตั้ง"แม้ว" เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจและที่ปรึกษาส่วนตัว ย้ำจำเป็นต้องตอบโต้เพราะมีการพาดพิงกระบวนการยุติธรรม ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย ทำให้คนไทยเสียความรู้สึก พร้อมขู่ทบทวนมาตรการช่วยเหลือ "เทือก"กลับลำ หลังจากช่วงเช้า มีท่าทีเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเรื่องที่"ฮุนเซน"ทำ ด้านกัมพูชา เรียกทูตกลับ

จากกรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าว เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา รวมถึงดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา ขณะที่พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดมสีหมุนี พระมหากษัตริย์พระองค์ปัจจุบันแห่งกัมพูชาได้ทรงลงพระนามรับรองพระราชกฤษฎีกา แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยืนยันที่จะไม่ส่งตัวพ.ต.ท. ทักษิณให้กับไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน หากได้รับการร้องขอ

**เรียกทูตกลับ-ทบทวนความสัมพันธ์

เมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) กระทรวงการต่างประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ แสดงถึงท่าทีของรัฐบาลไทยต่อกรณีดังกล่าวดังนี้

1. รัฐบาลได้ชี้แจงกับรัฐบาลกัมพูชาไปแล้วในโอกาสต่างๆว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ต้องอยู่เหนือความสัมพันธ์ส่วนบุคคล

2. การดำเนินการใดๆ ของฝ่ายกัมพูชาเกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถแยกแยะออกจากความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศได้ และกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยทั้งชาติ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้หลบหนีคดีอาญา และยังคงมีบทบาททางการเมืองในประเทศอยู่

3. การแต่งตั้งพ.ต.ท. ทักษิณ เป็นที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย และเป็นการปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมของไทย รวมทั้งทำให้ความสัมพันธ์ และผลประโยชน์ส่วนบุคคลอยู่เหนือความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

4. รัฐบาลไทยจึงนิ่งเฉยไม่ได้ และมีความจำเป็นจะต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้งประเทศ การดำเนินมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลไทยก็เพื่อจะให้ฝ่ายกัมพูชารับรู้ถึงความไม่พึงพอใจของประชาชนไทยทั้งปวง

5. จากการดำเนินการของรัฐบาลกัมพูชา ทำให้รัฐบาลไทยจำเป็นต้องทบทวนสถานะความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา และดำเนินการ ดังนี้

5.1 เรียกเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ กลับ

5.2 ทบทวนพันธกรณีต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับฝ่ายกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา

5.3 ทบทวนความร่วมมือต่างๆ ที่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการกับกัมพูชา ซึ่งการทบทวนนี้ รัฐบาลไทยจะกระทำด้วยความจำใจ เนื่องจากรัฐบาลไทยประสงค์มาโดยตลอดที่จะให้ความร่วมมือกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อพัฒนาการอยู่ดีกินดีของชาวกัมพูชา เพื่อลดช่องว่างของประชาชน และลดช่องว่างระหว่างกัมพูชากับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ

** "มาร์ค"ยันจำเป็นต้องตอบโต้

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าแถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชาครั้งนี้ มีส่วนที่พาดพิงกระบวนการยุติธรรมของไทย และกระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชนพอสมควร กระทรวงการต่างประเทศ จึงต้องดำเนินการมาตรการ เพื่อให้ทางกัมพูชารับทราบความรู้สึกของประชาชนไทย และการที่มาพาดพิงกระบวนการยุติธรรมของไทย เรื่องนี้จะมีการตอบโต้ตามขั้นตอนทางการทูต โดยจะให้ รมว.การต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงในรายละเอียดอีกครั้ง ว่าการดำเนินการแต่ละขั้นตอนเป็นอย่างไร

อย่างไรก็ตาม เราจะพยายามไม่ให้กระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกัมพูชากับประชาชนไทย เพราะเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศ ต้องการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน แต่เมื่อรัฐบาลกัมพูชามาทำในสิ่งที่มีปัญหา จึงต้องทำการตอบโต้ในส่วนของรัฐบาลออกไป

เมื่อถามว่าจะรวมไปถึงลดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในส่วนต่างๆ ลดด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จริงๆ แล้วตนพยายามรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนให้เป็นไปอย่างราบรื่น แต่ในแง่ของความร่วมมือที่รัฐบาลเขาเคยร้องมา ก็คงต้องพิจารณา และต้องให้เขารับทราบ

ส่วนจะถึงขั้นใช้มาตรการปิดพรมแดนระหว่างกันหรือไม่นั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องการค้าขายบริเวณชายแดนเป็นเรื่องผลประโยชน์ร่วมกัน แต่ว่าในแง่ของเราที่จะมีมาตรการกับทางกัมพูชา ตนได้คุยกับ รมว.ต่างประเทศ และหน่วยงาน ก็คิดว่าจะมีมาตรการที่จะดำเนินโดยประชาชนคนไทย จะไม่เดือดร้อน

ทั้งนี้จะถึงขั้นต้องตัดการช่วยเหลือระหว่างกันหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างที่กระทรวงการต่างประเทศ จะหามาตรการที่เหมาะสมต่อไป แต่เราจำเป็นที่ต้องให้เขารับทราบก่อนอย่างเป็นทางการ มาตรการการตอบโต้จะเป็นเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ

เมื่อถามว่า คิดว่าหลังมีมาตรการตอบโต้ไปแล้ว จะมีการดูท่าทีหรือไม่ หรือคาดหวังว่าทางกัมพูชาจะมีการทบทวนหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็ต้องรอดู

**ถกเครียดก่อนออกแถลงการณ์

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลาขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ครั้งนี้ เป็นการแสดงจุดยืน และท่าทีของเราให้ทางกัมพูชา ทราบว่าเราอยากให้ความสัมพันธ์เดินหน้าไปด้วยดี และขยายความร่วมมืออย่างที่เราวางแผนกันไว้ โดยไม่เอาความสัมพันธ์ส่วนตัวเข้ามายุ่งเกี่ยว อันนี้เราชัดเจน แต่เมื่อมันไม่เป็นอย่างนั้น ทางกัมพูชามีการเอาความสัมพันธ์ส่วนตัวเข้ามาพัวพัน โดยการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้หลบหนีคดีอาญา และมีบทบาททางการเมืองในการต่อสู้ต่อต้านรัฐบาลปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่ากัมพูชา ปฏิเสธความตั้งใจดีของเรา และแถลงการณ์ของกัมพูชา ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย และเป็นการปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมของไทย

"ดังนั้นเราไม่สามารถนิ่งเฉยได้ จำเป็นต้องทบทวนสถานะความสัมพันธ์ โดยการเรียกทูตไทยกลับมาเพื่อรับฟังการทบทวนสถานะพันธกรณีต่างๆ การเรียกทูตกลับเป็นมาตรการหนึ่ง ที่เบาสุด ส่วนทูตของเขา เราเข้าใจว่ากลับไปก่อนหน้านี้แล้ว” นายปณิธานกล่

"จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรี ได้เรียกฝ่ายความมั่นคง ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หารือเร่งด่วน เพื่อประเมินสถานการณ์ และหามาตรการตอบโต้ ที่บ้านพิษณุโลก ตั้งแต่เวลา 07.00 น. หลังจากนั้น แต่ละฝ่ายก็ไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนทางการทูต และจะมีการประเมินกันเป็นระยะหลังออกแถลงการณ์ตอบโต้" นายปณิธานกล่าว

**"เทือก"เชื่อไม่ถึงขั้นใช้กำลัง

เมื่อเวลา 16.30 น .วานนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงกล่าวถึง กรณีกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ตอบโต้กัมพูชาว่าเรื่องนี้ ควรไปถามนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ

เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของรัฐบาลในช่วงเช้า (5 พ.ย.) กับช่วงบ่าย ทำไมเปลี่ยนไป นายสุเทพ กล่าวว่า กรณีที่ตนกล่าวไปเมื่อเช้า ตนยังไม่เห็นเอกสาร ตนพูดตามข่าวที่ผู้สื่อข่าวถามมา แต่เมื่อเห็นเอกสารแล้วในเอกสารทางราชการของกัมพูชาเขาได้แสดงเหตุผลว่า การที่เขาจะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาให้ประเทศไทยตามสนธิสัญญานั้น เพราะเขาเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกเล่นงานทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องปกติ เป็นเรื่องการเมือง กรณีอย่างนี้เมื่ออ่านเอกสารโดยละเอียดแล้วจะเห็นว่าเขามาตัดสินเอาเองว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งมันไม่ใช่

เมื่อถามว่ามองว่า เป็นการเข้าทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ที่พยายามดึงเรื่องดังกล่าวให้เป็นเรื่องระดับชาติ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ยังไม่วิเคราะห์ไปไกลได้ขนาดนั้น

**ช่วงเช้าทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การให้สัมภาษณ์ของนายสุเทพ ในช่วงบ่าย ต่างจากการให้สัมภาษณ์ในช่วงเช้า ที่ทำเหมือนไม่รู้ร้อน รู้หนาว กับเรื่องนี้ โดยนายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลกัมพูชา ที่เขามีสิทธิแต่งตั้งใครก็ได้ เราไม่สามารถแทรกแซงได้ จะถูกใจเราหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปเอะอะโวยวาย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการที่สมเด็จฮุนเซนทำเช่นนี้ เป็นการหักหน้ารัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ ก็ตอบแบบเล่นลิ้นว่า เราก็อย่ายื่นหน้าไปให้เขาหัก เราก็เก็บหน้าเราไว้ให้ดี สมมุติว่ารัฐบาลไทยเกิดจะตั้ง นายสมรังสี ขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาอะไรก็ได้ ก็เป็นเรื่องของเรา ต้องแยกแยะ

เมื่อถามว่า วันนี้สรุปได้แล้วใช่หรือไม่ว่ากัมพูชาไม่ใช่มิตรแท้ของไทย นายสุเทพ กล่าวว่า การคิดอย่างนั้น เป็นการใช้อารมณ์มาคิด ซึ่งคิดอย่างนี้ไม่ได้ ผลประโยชน์ของประเทศชาติเอาไปแลกกับความโกรธ หรือความชอบหรือไม่ชอบไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องสนุกที่เราจะไปทะเลาะกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมีเหตุมีผู้ต้องหาหนีศาลคนหนึ่ง มันไม่คุ้มกัน

**กัมพูชา เรียกทูตกลับ

กัมพูชา เรียกเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยกลับประเทศ ตอบโต้กรุงเทพฯ เรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับ ในข้อขัดแย้งกรณีกัมพูชาแต่งตั้ง ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ

นายโสกอาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า "รัฐบาลกัมพูชา ตัดสินใจเรียกนางยู ออย เอกอัคราชทูตประจำประเทศไทยกลับประเทศ" พร้อมระบุว่ากัมพูชาจะส่งเธอกลับมายังกรุงเทพฯ ก็ต่อเมื่อไทยส่งเอกอัครราชทูตกลับไปยังกรุงพนมเปญ

**ยันสถานการณ์ชายแดนปกติ

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึง กรณีที่กระทรวงการต่างประเทศเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยในประเทศกัมพูชากลับ ว่า กองทัพขณะนี้ยังไม่ได้รับการสั่งการใดๆ จากทางรัฐบาลดังนั้นกองทัพยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนตามปกติ ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างมีขั้นตอน มาตรการต่างๆอยู่แล้ว

"ปกติทาง ผบ.กองกำลังระหว่างไทยกับกัมพูชา มีการประสานงานกันตลอด และขณะนี้ความสัมพันธ์ทางทหารทั้งสองประเทศยังสามารถพูดคุยกันได้ ส่วนผู้ช่วยทูตทหารไทยในกัมพูชา ยังคงปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม และขณะนี้กองทัพไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ เพราะต่างฝ่ายต่างยังคงปฏิบัติการรักษาอธิปไตยของตัวเองเหมือนเดิม" โฆษกทบ.กล่าว และว่าพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ยังไม่ได้สั่งการอะไรมา เพราะท่านบอกว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้สั่งการอะไรมา ดังนั้นทางกองทัพก็จะปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติ การเรียกตัวเอกอัครราชทูตกลับ เป็นเรื่องของรัฐบาล

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่าจากการตรวจสอบสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากพล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 นั้น ขณะนี้สถานการณ์ยังเป็นไปตามปกติ และยังมีทหารทั้งสองฝ่ายรักษาพื้นที่ตามเดิม รวมถึงทหารในพื้นที่ยังพูดคุยกันได้ ส่วนยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่มีการใช้กำลังทหารรบกัน พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่ายืนยันว่า ขณะนี้สถานการณ์ตามแนวชายแดนยังปกติอยู่ ดังนั้นยืนยันว่า กองทัพไม่มีความจำเป็นใดๆให้เกิดการเผชิญหน้าขึ้น

**เขมรขนรถถังประชิดเขาวิหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศตามแนวชายแดนไทย- กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษว่า ทหารไทยและทหารกัมพูชาที่ตรึงกำลังอยู่นั้น ได้ระมัดระวังตัวกันมากขึ้น ทำให้บรรยากาศค่อนข้างเคร่งเครียด เพราะทหารทั้ง 2 ฝ่าย ต่างเกรงว่าจะมีการปะทะกันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ขณะเดียวกันมีรายงานว่าฝ่ายกัมพูชาได้เสริมกำลังรถถังเข้ามาอีก 40 คัน ขณะที่ทหารไทย ไม่ได้มีการเสริมกำลังทหารและอาวุธเพิ่มเติมแต่อย่างใด

นายศรีวรรณ เกียรติสุรนนท์ ประธานหอการค้า จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า รัฐบาลไทยควรพิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบ แต่ก็ไม่ควรให้เอกราชไทยถูกย่ำยีอย่างไม่ให้เกียรติจากมิตรประเทศที่ใกล้กันเช่นนี้

อย่างไรก็ตามกรณีความขัดแย้งครั้งนี้ ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้าตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านจ.ศรีสะเกษ มากนักโดยเฉพาะที่บริเวณด่านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ การค้าขายรายใหญ่ส่วนมากเป็นการส่งน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในกัมพูชา มูลค่าเดือนละกว่า 100 ล้านบาท

ส่วนการค้ารายย่อยเป็นสินค้าเครื่องอุปโภค-บริโภค นั้นมีมูลค่าไม่มากนัก จึงไม่ส่งผลกระทบนักธุรกิจไทยมากนัก แต่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวกัมพูชามากกว่า เพราะต้องพึ่งพาสินค้าเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน

**หนุนตัดสัมพันธ์เขมร

ด้านนายสนอง ห้วยจันทร์ ประธานประชาคมอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่รัฐบาลกัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาฯ ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากรัฐบาลกัมพูชาทราบอยู่แล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักโทษคดีอาญาของไทย การที่สมเด็จฮุนเซนเช่นนี้ ถือว่าเป็นการตบหัวประเทศไทยอย่างจัง แบบที่เรียกกันว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการกระทำของมิตรประเทศที่อยู่ใกล้ชิดติดกันเลย เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลกัมพูชาไม่ได้เกียรติรัฐบาลไทยแต่อย่างใด ทั้งที่รัฐบาลไทยให้เกียรติรัฐบาลกัมพูชามาโดยตลอด

"ดังนั้นรัฐบาลไทยควรที่จะตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลกัมพูชาได้แล้ว เพราะมิตรประเทศที่อยู่ติดกัน หากไม่จริงใจต่อกัน ก็ป่วยการที่จะคบกันอย่างมิตรประเทศอีกต่อไป" นายสนองกล่าว

"กษิต"ลั่นเดินหน้าตอบโต้ฮุนเซ็น

นายกษิต ภิรมย์ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังกัมพูชาเรียกตัวเอกอัคราชฑูตประจำประเทศไทยกลับ ว่า ตอนนี้สมเด็จฮุนเซน จะต้องเลือกแล้วว่าจะเลือกประเทศไทย หรือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (นช.แม้ว) เพราะขณะนี้คนไทยไม่สามารถยอมรับพฤติกรรมของสมเด็จฮุนเซนได้ หากยังยืนยันที่จะยืนข้างนช.แม้ว ประเทศไทย ก็จะมีมาตรการตอบโต้ต่อไป

๑๐ ความคิดเห็น:

นศท.การิยา กะจิ กล่าวว่า...

ทรงพระเจริญ

นศท.การิยา กะจิ กล่าวว่า...

ทรงพระเจริญ

นศท.การิยา กะจิ กล่าวว่า...

พระองค์ทรงเป็นพระบิดาการพัฒนาทุกแขนง เพื่อให้ประเทศชาติได้มีความมั่นคงถาวรอย่างแท้จริง

นศท.การิยา กะจิ กล่าวว่า...

บรรพบุรุษของไทยปกบ้านป้องเมืองมาได้ด้วยความยึดมั่นในสถาบันการปกครอง ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นศท.การิยา กะจิ กล่าวว่า...

ร้อยรัดร้อยดวงใจเพื่อเทิดไท้องค์ราชัน ที่พระองค์ทรงฝ่าฟันให้ไทยนั้นได้ร่มเย็น

นศท.การิยา กะจิ กล่าวว่า...

พระองค์ทรงมีแนวทางพระราชดำริในการพึ่งตนเองเพื่อให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้อย่างอิสระ มั่นคงและสมบูรณ์

นศท.การิยา กะจิ กล่าวว่า...

ขอพระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงเป็นพ่อของชนชาวไทยตราบนานเท่านาน

นศท.การิยา กะจิ กล่าวว่า...

เพราะคือพลังของแผ่น จึงคอยขจัดความทุกข์ให้กับข้าราษฎรประชาเขต

นศท.การิยา กะจิ กล่าวว่า...

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน อยู่คู่ฟ้าคู่แผ่นดินสยามตลอดกาล

นศท.การิยา กะจิ กล่าวว่า...

สยามประเทศมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงคอยห่วงใยอาณาประชาราษฎรให้พ้นจากทุกข์ทั้งปวง