วันเสาร์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒

Thaksin pais protertors

คนที่คิดเผาบ้านเผาเมืองของตัวเองจะอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนเขาสาปส่งทั้งนั้นแหละ และนี่ก็คือตัวอย่างหนึ่งของคนรักประเทศรักในหลวงที่เขาออกมาพูด


ถ้าทักษิณจะปฏิเสธความรับผิดชอบครั้งนี้ ทักษิณจะเป็นตัวตลกที่ไม่มีเวทีให้เล่นแล้วเชื่อดิ เพราะคำพูดเชื่อไม่ได้แล้ว สู่สุขติเถิดทักษิณ



วันอาทิตย์ที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒

Batman in bangkok

แม้ว่าการชุมนุมของเสื้อแดงจะจบลงไปแล้วพร้อมกับการจับกุมแกนนำหลายๆคน และที่จับไม่ได้อีกหลายคนเพราะหลบหนี หรือไม่มามอบตัวก็มาก ทิ้งแต่ความสูญเสียไว้ให้ดูต่างหน้าถึงความถ่อยของผู้ชุมนุม ทั้งปิดการจราจร เผารถเมล์ แต่นายกก็ยังไม่ยกเลิก พรก.ฉุกเฉินเพราะว่าสถานการณ์ยังไม่นิ่งเท่าที่ควร


ถัดจากนั้นมาไม่กี่วัน นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำคนสำคัญของพันธมิตรก็ถูกลอบสังหาร ด้วยอาวุธสงครามจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด เมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมาซึ่งอาจจะมาจากเรื่องการของเมืองก็ได้ ถึงแม้ว่าหัวหน้าผู้ก่อการคือทักษิณ จะบินหนีออกจากเอมิเรต เพื่อไปนิคารากัว เพื่อหาที่พักพิงใหม่ พื้นที่ของทักษิณเริมหดหายไปทุกที ใช่สถานการณ์ต่อไปคือเสื้อแดง รุมล้อมทักษิณ เมื่อทักษิณถูกจับมาดำเนินคดีที่เมืองไทย คอยดูไม่เชื่อก็ตามใจ


ถึงแม่จะเครียดแต่เราก็มีเหตุการณ์ประทับใจ เพื่อครายเครียดบ้าง นั่นก็คือ คลิป Batman in bangkok ที่ออกมาช่วยชาวดินแดงให้รอดปลอดภัยจาก รถแก๊ส


วันจันทร์ที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒

Bangkok Protests

นับเป็นวันที่สองแล้วสำหรับการประกาศ พรก.ฉุกเฉินร้ายแรง แกนนำประกาศทันทีว่าแค่ใบกระดาษไม่สามารถบังคับใช้กับ นปช.ได้ พร้อมกับการดาวกระจายก่อการปิดเสนทางต่างของกรุงเทพฯ แถมยังก่อการจราจลไปทั่วกรุงเทพฯ หนักคือการปิดถนน เผารถประจำทาง หรือแม้แต่การนำเอารถบรรทุกแก็ส ออกมาข่มขู่



มีการแบ่งกันก่อการจราจลเป็นจุดไปพอสลายตรงนี้ ไปโผล่ตรงโน้นเรื่อยไป แต่ละจุดจะเผารถประจำทาง เผายางรถยนต์ พอมีทหารเข้ามาสลาย ก็จะโยนระเบิดเพลิง ระเบิดปิงปอง มีการวางเพลิงสถานที่ต่างๆทั่วทั้งกรุงเทพฯให้มันเกิดการจราจล ให้เกิดความวุ่นวาย



แถมทักษิณยังมีหน้าออกมาปลุกเล้าตลอดให้ประชาชนสู้ต่อไป ถ้าเขาแพ้ประเทศไทยก็แพ้ด้วย ปากก็อ้างประชาธิปไตย ชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ แต่ภาพที่เห็นอาวุธเพียบ ไม่มีคำว่าสันติ มีแต่การทำลาย สร้างความเดือดร้อนทั่วไป จนบางจุดมีชาวบ้านรวมตัวกันออกมาต่อต้านเอง


นี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ที่ประกาศแตกหักแล้วโดยมีลิ่วล้อคอยปลุกปั่นยั่วยุให้แนวร่วมเกิดการฮีกเหิม ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการแบบนิ่มนวลแล้วก็ตาม การเผาบ้านทำลายเมืองตัวเองเพื่อคนๆเดียว เป็นการประจานตัวเองไปทั่วโลกยิ่งภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ เรายิ่งสูญเสียไปมากนับเท่าทวีคูณ ความผิดครั้งนี้ทักษิณจะปฏิเสธไม่ได้


วันอาทิตย์ที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒

ขอประนามแก็งค์ทักษิณถ่อย

หลังจากที่ทักษิณโฟนอินกรอกหูมวลชนของเขาทุกวัน ท้าชนแบบเล่นหมดหน้าตักโดยเอาประเทศเป็นเดิมพันแลกกับการกับมามีอำนาจของเขาอีกครั้ง พร้อมกับทรัพสินที่ถูกยึดไปต้องได้คืน ปลุกระดมมวลชนผ่านทาง แกนนำหัวขวด ตั้งแต่การชุมนุมหน้าทำเนียบ การปิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทำให้การจราจรติดขัด การปิดโรงแรมที่จะใช้ประชุมอาเซียน +3+6 ที่พัทยา จนต้องยกเลิกไปอย่างไม่มีกำหนดทำลายภาพพจน์การท่องเที่ยวของไทยลงอย่างสิ้นเชิง



ทั้งที่ปากบอกว่าชุมนุมอย่างสันติปราศจากอาวุธ แต่ภาพที่เห็นรู้สึกจะมากเป็นพิเศษ พร้อมกับความถ่อยมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สิ่งที่แกนนำพูดอยู่ทุกวัน วันนี้มันไม่ได้เป็นดังที่พูด ไม่รู้แกนนำจะว่าไง



แม้แต่การทำลายรถของนายกฯที่กลุ่มเสื้อแดงคิดว่านายกฯนั่งอยู่ในนั้น แสดงถึงความป่าเถื่อน ถ่อย ออกมาให้เห็น มันหมายถึงการเอาชีวิตของนายกฯเลย หลังจากที่เคยตั้งทีมไล่ล่านายกฯมาแล้ว แม้แต่นายกฯได้ประกาศภาวะฉุกเฉินแล้วก็ตามเหตุการณ์ยังคง ไม่เปลี่ยนแปลงยังคงมีการชุมนุมอยู่อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่า ฝ่ายปฏิบัติทำงานไม่เคร่งครัด ที่จะจัดการกับคำสั่งของรัฐบาล มิหนำซ้ำ ตำรวจทหาร บางส่วนก็ยังอยู่ฝ่ายเสื้อแดงเสียอีก



เป็นสัญญาณของสงครามประชาชน (แบบลวกๆ) ซึ่งก็คงเป็นได้เพียงการก่อจราจลให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงตามที่หวังไว้ ไม่ว่าจะพินาศเสียหายแค่ไหนก็ตาม เป็นการเผาบ้านตัวเองเพื่อให้ทักษิณรอด คนเดียวเพราะเครือข่ายที่ทักษิณใช้เงินซื้อ และสร้างไว้ยังมีอำนาจอยู่อีกจำนวนมาก

วันพฤหัสบดีที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒

Bangkok Dangerous

สมัยก่อนตอนเป็นเด็กสีแดงคือสีของคอมมิวนิสต์ มาวันนี้เห็นกลุ่มเสื้อแดงออกมาชุมนุม ทำให้ย้อนกลับไปคิดไม่ได้ เพราะบรรดาแกนนำหลายๆคนของกลุ่มเสื้อแดงเป็นพวกซ้ายเก่า พวกคอมมิวนิสต์ตกยุค ออกมาเป็นแกนนำ เป็นกุนซือ ที่ยอมรับใช้ทักษิณเผาบ้านตัวเอง รวมทั้งพวกที่จาบจ้วงสถาบันฯ ลบหลู่สถาบันฯ


นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือ สุรชัย แซ่ด่าน ซึ่งเป็นอดีตนักโทษการเมืองคอมมิวนิสต์คนสุดท้ายของประเทศไทย ได้ปราศรัยบนเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาลปลุกระดมประชาชน ว่า การจะปฏิวัติโดยประชาชน นอกจากเราจะปิดถนน ทำให้ทั่วทั้งเมืองเป็นอัมพาตแล้ว และยังเป็นการป้องกันไม่ให้ทหารเอารถถังออกมา เรายังต้องไปยึดธนาคารบางแห่ง เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนใช้จ่าย และต้องยึดทีวีบางช่อง เพื่อนำมาเป็นกระบอกเสียงให้เราด้วย"ผู้จัดการออนไลน์" ฟังแล้วน่าสมเพชนักหนา

การเรียกร้องให้องคมนตรีลาออกพร้อมกับนายกฯ ทั้งที่หลายฝ่ายออกมาเตือนทักษิณแล้วว่ามันเป็นการล่วงละเมิดพระราชอัธยาศัย ที่ปากบอกว่ามีความจงรักภักดีเสมอมา แม้แต่ลูกน้องที่แสนซื่อสัตย์อย่างเนวิน ยังออกปากพร้อมกับขอให้ทักษิณ เลิกทำให้ประเทศล่มจมไปมากกว่านี้ แม้แต่การตั้งรางวัลนำจับก็มี



รากหญ้ากลายเป็นเครื่องมือของทักษิณที่จะทำให้เขาประสบผลสำเร็จตามที่หมายไว้ มาวันนี้มีการปิดอนุสาวรีย์ทำให้รถติดคนใช้รถ คนเดินทางเดือดร้อนกันทั่ว การยกระดับการชุมนุมขึ้นมาเรื่อยๆ อาจจะมีการก่อการอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เพื่อให้เหตุการณ์ให้มันรุนแรง เกิดการจราจลเพื่อบรรลุเป้าหมาย โดยระดมเชิญชวนสาวกออกมามากๆ ชวนพี่ชวนน้องออกกันมาเยอะๆ แล้วครอบครัวตัวเองก็ยกโขยงกันหนีออกนอกประเทศไป ปล่อยให้สาวกต้องรับกรรมกันไป นี่คือนิสัยทักษิณยอดผู้นำที่เอาตัวเองและครอบครัวให้รอด คนอื่นช่างมัน

วันศุกร์ที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒

901

901 นี่คือคำพูดของทักษิณตอนที่วีดิโอลิงค์กับคนเสื้อแดงที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ทำให้นึกถึงบบรดาพวกต้องการล้มสถาบันฯที่สิงสถิตย์อยู่ที่เวบฟ้าเดียวที่พวกมันให้รหัสแทน เช่น 901,02,03,04,05,06 พร้อมกับการออกมาเปิดเผยชื่อผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญคือพลเอกเปรม ติณสูรานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ แถมพ่วงด้วยพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ ที่อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติโค่นล้มอำนาจเขาเมื่อ 19 กันยายน 2549 โดยมีการนัดทานข้าวพร้อมกับการปรึกษาหารือ ที่บ้านนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา จากคำให้การของพลเอกพัลลพ ปิ่นมณี ที่เข้าร่วมในการรับประทานอาหารมื้อนั้นพร้อมกับ ตุลาการอีกบางคนเช่น นายอักขทร นายจรัลเป็นต้น


เมื่อมีการดับเครื่องชนสถาบันองคมนตรี และสถาบันตุลาการ ของทักษิณครั้งนี้ถือว่าเป็นการเล่นแบบหมดหน้าตักแล้ว โดยไม่สนใจความเสียหายที่มันจะเกิดขอแค่บรรลุผลเป้าหมายของตัวเองเท่านั้น คือการยกเลิกรัฐธรรมนูญ ปี2550 นิรโทษกรรมให้นักการเมือง เอาสมบัติของทักษิณคืนมา โดยหวังที่จะดึงเบื้องสูงลงมาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งเหมือนเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ 2535 หรือแม้แต่การหวังผลไกลกว่านั้นก็เป็นได้


ล่าสุดกับการออกมาปกป้องสถาบันของพล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ กับนายอำพน เสนาณรงค์ องคมนตรี พร้อมกับตอบโต้กลับไปนิดๆหน่อยๆ แต่หนักหน่วงกับการปกป้องสถาบันฯ พร้อมกับเตือนรัฐบาลให้จัดการขั้นเด็ดขาดกับทักษิณที่บังอาจลบหลู่เบื้องสูง